MarTech Thailand – วนิดา ทาร์ดิเวล Luxury Society Asia พูดคุยกับ จิตติพงศ์ เลิศประดิษฐ์ (บอล) มาร์เทค ไทยแลนด์

ในปัจจุบัน “เทคโนโลยีการตลาด” หรือ “Marketing Technologies”
ไม่ได้มีไว้เพื่อสำหรับใช้งานแค่กับในส่วนของทีมการตลาดหรือทีมไอทีอีกต่อไป ดังนั้น การที่เหล่าบรรดาผู้บริหารระดับอาวุโสและระดับสูงสุดต้องเข้าใจถึงเหตุผลของการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิตัลจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำ ไม่ใช่แค่ทางเลือกอีกต่อไป ซึ่งคลาสเรียน
Marketing Technology Master Class
จะเป็นสิ่งหนึ่งที่จะสามารถช่วยผู้บริหารระดับสูงในด้านการตลาดได้

โดยหากต้องการที่จะเปลี่ยนความคิดของบริษัทที่เป็นองค์กรขนาดกลางและใหญ่ เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเริ่มทำงานด้วยทัศนคติหรือกรอบความคิดแบบใหม่ก่อน รวมถึงอาจจะต้องมีการทบทวนวัฒนธรรมการทำงานบางอย่าง เพื่อให้บริษัทสามารถก้าวเข้าสู่การจัดองค์กรทางการตลาดที่ดียิ่งขึ้นได้
วันนี้เอง เราได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณจิตติพงศ์ ผู้ทำงานด้านการตลาดดิจิตัลมาหลายปี มีประสบการณ์เกี่ยวกับการสร้างเอกลักษณ์องค์กร รวมถึงการสร้างแบรนด์และแคมเปญทางดิจิตัลมามากกว่า 2 ทศวรรษ ซึ่งตอนนี้เขาดำรงตำแหน่งสำคัญในฐานะหัวหน้าทีมหัวหน้าทีมการตลาดดิจิทัลและเทคโนโลยี

Luxury Society Asia : สวัสดีค่ะคุณบอล ขอบคุณที่ให้โอกาสพูดคุยกับเราในวันนี้นะคะ
ขออนุญาตสอบถามว่าอะไรที่พาคุณบอลมาอยู่ในสายงานด้านเทคโนโลยีตลาดคะ
คุณจิตติพงศ์ : ในช่วงปี 2555-2556 ผมได้รับมอบหมายให้ดูแลโครงการการตลาดอัตโนมัติ ซึ่งถือเป็นประสบการณ์ที่ทำให้ผมได้เปิดหูเปิดตาและถือเป็นประตูสำคัญสำหรับผมในการเรียนรู้เกี่ยวกับ Platform ทั้ง Modern Cloud และ SaaS (software as a service) รวมถึงในอีกไม่กี่ปีต่อมา ผมได้เรียนรู้เพิ่มเติมในเรื่องของปัจจัยความสำเร็จและหลุมพลางของเทคโนโลยีในการโฆษณาครับ
ซึ่งผมได้ก่อตั้ง WWW.MARTECHTHAI.COM และ เพจ Facebook ที่ให้ความรู้กับนักการตลาด ท่านอื่นๆ ให้ใช้ประโยชน์และความสามารถจากการใช้เครื่องมือทางการตลาด รวมถึงการแบ่งปันทิศทางที่จะประสบความสำเร็จและและวิธีการใช้เทคโนโลยีสำหรับเหล่าบรรดาผู้ขายอย่างถูกวิธีครับ

Luxury Society Asia : ขอทราบความคิดเห็นเกี่ยวกับเทรนด์ของผู้บริโภคในประเทศไทยหน่อยได้ไหมคะ ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง
คุณจิตติพงศ์ : สำหรับผม แนวโน้มของผู้บริโภคที่น่าจับตามองในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า คือการเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนของ AI, ML ในเทคโนโลยีการโฆษณา โดยนักการตลาดจะได้รับประโยชน์จากความสามารถใหม่ๆ ของ AI ยกตัวอย่างเช่น การเสนอราคาอัตโนมัติ หรือการจัดการงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงแชทบอท NLP ที่ซัพพอร์ทภาษาไทยก็จะยังคงอยู่ในกระแสหลักต่อไป
จุดรวบรวมข้อมูลทั้งหมดจะใช้การดำเนินงานผ่านคนน้อยลง เนื่องจากตัวแทน AI จะกลายมาเป็นแรงงานดิจิทัลในอนาคตอันใกล้นี้ ข้อความเนื้อหาที่สร้างความตื่นตระหนกมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ ซึ่งจะคาบเกี่ยวกับความสามารถของมนุษย์ที่มีอยู่อย่างจำกัด และตัว AI เองก็จะเริ่มมีความสามารถในการสร้างเนื้อหาเหมือนกับที่มนุษย์ทำได้ครับ

Luxury Society Asia : ช่วยแชร์ความคิดเห็นเกี่ยวกับเทรนด์การตลาดที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเราได้ไหมคะ
คุณจิตติพงศ์ : การทำการตลาดออนไลน์ผ่านเครื่องมือค้นหาบนอินเตอร์เน็ตจะยังคงใช้งานได้ดีอยู่ครับ ซึ่งอาจจะมากในช่วงล็อคดาวน์ด้วย การกักตัวของคนจะช่วยเพิ่มการค้นหาในระบบ e-commerce ให้มากขึ้น และระบบอัลกอริทึ่มของ Facebook เองจะเปลี่ยนไปครับ เราจะหันไปพึ่งพาการค้นหาข้อมูล, หาวิธีการต่างๆ, หาสินค้า รวมถึงหาแรงบันดาลใจบน Google อีกครั้งหนึ่ง
โดยโลก Cookieless World และกฎระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูลจะช่วยป้องกันไม่ให้ผู้โฆษณาได้มีโอกาสแตะต้องข้อมูลของผู้ใช้งาน เช่น การยิงโฆษณาแบบ Re-targeting ดังนั้น เราจึงต้องการกลยุทธ์ทางการตลาดในรูปแบบ Inbound Marketing สำหรับให้ผู้ใช้งานเป็น 1st party data หรือข้อมูลที่องค์กรเป็นคนจัดเก็บเอง
Luxury Society Asia : เครื่องมือทางการตลาดที่คุณบอลใช้งานมีอะไรบ้างคะ
คุณจิตติพงศ์ : พวกเครื่องมือวิเคราะห์และติดตามข้อมูล เช่น Google Analytics, เครื่องมือการจัดการ UTM, การแสดงข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบ Visualization เช่น โปรแกรม Tableau หรือ Google Data Studio
เครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับการสร้างเนื้อหาบทความ เช่น Surveymonkey หรือ Google Form
เครื่องมือวิเคราะห์และฟังเสียงสังคม เช่น Fanpagekarna , Mandala Analytic และเทคโนโลยีการค้นหาทางการตลาด เช่น Neilpatel และ Ahref ครับ

Luxury Society Asia : ทักษะที่คนรุ่นใหม่ในอนาคตต้องการ จะมีอะไรบ้างคะ
คุณจิตติพงศ์ : ทักษะการเล่าเรื่องด้วยข้อมูล, การจัดการด้านเทคโนโลยี, ความคล่องตัวในการปรับตัวในเปลี่ยนแปลงโลกยุคดิจิทัล รวมถึงตัวชี้วัดหลักสำหรับแต่ละช่องทางและแคมเปญต่างๆ ครับ
Luxury Society Asia : ช่วยบอกถึงจุดแข็งของ Community ของคุณบอล รวมถึงเราจะสามารถติดตามผลงานต่อได้ที่ไหนอย่างไรบ้างคะ
คุณจิตติพงศ์ : ทิศทางหลักของกลยุทธ์ในการรักษา Community ไว้ก็คือการสร้างและอัตราการมีส่วนร่วม (Engagement rate) โดยการเลือกสมาชิกที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มของเราและคอยดูแลเนื้อหาให้มีความถี่อย่างเหมาะสมและสมเหตุสมผลครับ
โดยผู้ที่รับผลประโยชน์ก็จะแตกต่างกันไป เพราะบางคนต้องการพื้นที่สำหรับโปรโมทธุรกิจของตนเอง, บางคนต้องการอ่านบทความเกี่ยวกับเทคโนโลยีทางดารตลาดให้มากขึ้น หรือเหล่าบรรดา KOL ก็อาจจะต้องการพื้นที่สื่อสำหรับโปรโมทบทความของตนเอง ซึ่งสำหรับตัวผมเอง ผมรักในการใช้เวลาเปิดประตูแห่งความรู้และเป็นผู้มอบโอกาสสำหรับทุกๆ คนครับ